1.
อธิบายความหมายของการทำงานกล้องดิจิตอล
2. อธิบายถึงชนิดของกล้องดิจิตอล
แฟลชไดร์ฟ ปริ้นเตอร์และสแกนเนอร์ได้
3.
สามารถบอกถึงขั้นตอนการทำงานของปริ้นเตอร์และสแกนเนอร์ได้
8.1 บทนำ
อุปกรณ์ต่อพ่วง คือ
อุปกรณ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
ปัจจุบันอุปกรณ์ต่อพ่วงพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
1.กล้องดิจิตอล
รูปที่ 1 แสดงภาพกล้องดิจิตอล
นวัฒกรรมทางการถ่ายภาพที่ล้ำหน้าไปไกล
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยที่เปลี่ยนการใช้ฟิมล์ 35 มม. แบบธรรมดามาเป็นการใช้ฟิล์มแบบดิจิตอล
การทำงานของกล้องดิจิตอลคล้ายกับกล้อง
35 มม. คือ
ใช้หลักการสะท้อนและตกกระทบของแสงลงบนแผ่นฟิล์มแต่กล้องดิจิตอลฟิล์มรับภาพจะทำการประมวลผลออกมาเป็นจุดสีจุดเล็กๆ
เรียกว่า พิกเซล ( Pixel )
ความพิเศษของกล้องดิจิตอลแตกต่างจากกล้องฟิล์ม
คือ ผู้ถ่ายสามารถดูภาพถ่ายได้ทันทีผ่านทางหน้าจอ LCD ซึ่งจะเพิ่มความรวดเร็ว และผู้ถ่ายสามารถได้ทดสอบฝีมือตนเองได้หรือภาพไหนที่ไม่ต้องการก็สามารถลบทิ้งได้
และยังสามารถนำภาพไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์ได้ด้วย
2. หน่วยความจำของกล้องดิจิตอล
โครงสร้างพื้นฐานหน่วยความจำมีอยู่
2 ประเภท คือ Hard Drive และ RAM
เรียกอีกอย่างว่า Flash Memory หรือเป็นหน่วยความจำแบบ
Soild State มีชิ้นส่วนสำคัญคือใช้เซมิคอนดักเตอร์ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้
3. หน่วยความจำสำหรับใช้กับกล้องดิจิตอล มีดังนี้
1.
Smart Media
2.
Compact Flash ( Card )
3.
xD-Picture Card
4.
Multi Media Card ( MMC )
5.
Secure Digital Card
6.
Memory Stick
4. แฟลชไดร์ฟ ( Flash Drive )
เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเก็บข้อมูลโดยใช้หน่วยความจำแบบแฟลช
ทำงานร่วมกับยูเอสบี 1.1 หรือ 2.0 มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาติดตัว ในปัจจุบัน
แฟลชไดรฟ์มีความจุตั้งแต่ 4 GB ถึง 2TB โดยทั่วไปไดรฟ์จะทำงานได้ในหลายระบบปฏิบัติการ
5. ประโยชน์ของแฟลชไดร์ฟ คือ
· ความจุข้อมูลสูงตั้งแต่
128 MB ถึง 2GB
· ใช้เก็บข้อมูลได้ทุกประเภท
· ใช้ได้ทันทีกับคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คทุกเครื่องทุกระบบ
· สะดวกในการใช้งาน
· สามารถทำการเขียน
อ่าน ลบ แก้ไข ข้อมูลในนั้นได้โดยตรง
· มีความทนทานสูงทั้งภายนอกและภายใน
· ข้อมูลมีความปลอดภัยไม่ว่าจะเกิดการตกหล่น
กระแทก หรือขูดขีด
· พกพาสะดวก
· เล่น
MP3 ได้ (เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)
6. ปริ้นเตอร์ ( Printer ) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
6.1 เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ ( Dot Matrix Printer )
ทำงานโดยใช้การสร้างจุดลงบนกระดาษ ซึ่งหัวพิมพ์จะมีลักษณะเป็นหัวเข็ม เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใด
ๆ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งตามรูปประกอบนั้น ๆ จะยื่นออกมามากกว่าหัวอื่น ๆ
และกระแทกกับผ้าหมึกลงกระดาษที่ใช้พิมพ์
จะทำให้เกิดจุดมากมายประกอบกันเป็นรูปเกิดขึ้นมา
เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากเพราะมีราคาถูกและคุณภาพเหมาะสมกับราคา
แต่ข้อเสียคือเวลาสั่งพิมพ์จะเกิดเสียดังพอสมควร
ทำงานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ
ลงบนกระดาษ เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ
เครื่องพิมพ์จะทำการพ่นหมึกออกตามแต่ละจุดในตำแหน่งที่เครื่องประมวลผลไว้อย่างแม่นยำ
ตามความต้องการของเรา
ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์
โดยรูปที่มีความซับซ้อนมากๆเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ชัดเจนและคมชัดกว่าแบบดอตแมทริกซ์
6.3 เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ( Laser Printer )
ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร
คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร
ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมาก
และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน
ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทำงานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทำออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมาก
6.4 พล็อตเตอร์ ( Plotter )
เป็นเครื่องพิมพ์แบบที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลลงบนกระดาษ
ซึ่งเครื่องพิมพ์ประเภทนี้เหมาะกับงานเขียนแบบของวิศวกรและสถาปนิก และเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาแพงที่สุดในเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ
7. สแกนเนอร์ (
Scanner )
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บภาพหรือรายละเอียดจากวัตถุ
โดยทำการสแกน หรือ เก็บข้อมูล และจะถูกส่งจากเครื่องสแกนเนอร์เข้าไปสู่คอมพิวเตอร์
8.
แดง เขียว น้ำเงิน (
RGB )
การอ่านภาพสี CCD ของเครื่องอ่านภาพ โดยอาศัยโครงสร้างของแม่สี 3 สี
คือ แดง เขียว และน้ำเงิน ในเทคนิคที่เรียกว่า RGB
9. ชนิดของสแกนเนอร์
แบ่งออกเป็น 3 แบบหลักๆ คือ
1. สแกนเนอร์แบบสอดแผ่น2. สแกนเนอร์มือถือ
3.สแกนเนอร์แผ่นเรียบ
10. ปัจจัยในการเลือกซื้อสแกนเนอร์
1. คุณสมบัติเฉพาะของสแกนเนอร์2. การใช้งานสแกนเนอร์
3. เงื่อนไขการรับประกัน
4. ความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้จำหน่าย
5. ราคา
สรุปท้ายบท
ปัจจุบันการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ก็ถูกคิดค้นขึ้นมากมาย อุปกรณ์ต่อพ่วงทำให้ขอบเขตของการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ขยายวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นทางด้าน สื่อบันทึกข้อมูลที่มีความจุสูงขึ้นกว่าในอดีต เทคโนโลยีการบันทึกภาพ หรือ ไฟล์ข้อมูลก็ทำได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นการจะใช้งานอุปกรณ์ต่อพ่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานอุปกรณ์ให้เหมาะสม กับงานและประเภทของงานนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น